การซื้อ Put Option ของ SET50 Index Options

การซื้อ Put Option (ซึ่งอาจเรียกว่า Long Put Options) ผู้ซื้อ Put Option จะได้รับผลตอบแทน เมื่อราคาสินทรัพย์ที่อ้างอิงในตลาดมีราคาต่ำกว่าราคาซื้อขายที่กำหนดไว้ตามสิทธิ เพราะผู้ถือ Put Option จะมีสิทธิในการขายสินทรัพย์ตามสิทธิดังกล่าวในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด ซึ่งผู้ซื้อ Put Option จะสามารถซื้อสินทรัพย์ที่ตกลงกันในตลาดในราคาที่ถูก แล้วนำมาขายตามสิทธิให้แก่ผู้ที่ขาย Put Option ได้ในราคาที่สูงกว่าได้ทันที แต่ถ้าผู้ซื้อ Put Option ขาดทุน ผู้ซื้อก็จะไม่ขอใช้สิทธิดังกล่าว ก็จะขาดทุนสูงสุดเท่ากับค่าพรีเมียมนั่นเอง

สำหรับผู้ขาย Put Option (Short Put Options) จะมีโอกาสทำกำไรสูงสุดได้เท่ากับค่าพรีเมียมเช่นเดียวกับ Call Option และมีโอกาสขาดทุนสูงสุด เท่ากับกำไรที่ผู้ซื้อได้รับเช่นเดียวกันกับ Call Option เพราะการลงทุนในตราสารอนุพันธ์นั้นเป็นการลงทุนที่มีผลตอบแทนโดยรวมเป็นศูนย์ (Zero Sum Game) คือ ผู้ซื้อและผู้ขายจะมีกำไรและขาดทุนรวมกันแล้วเป็น ศูนย์

สิทธิของผู้ซื้อออปชันและภาระผูกพันของผู้ขายจะสิ้นสุดลงตามกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังนี้ คือ สิทธิของผู้ซื้อ (Long Position) จะสิ้นสุดลงเมื่อ ผู้ซื้อขอใช้สิทธิตามสัญญา ถ้าเป็นสัญญา Call Option ก็จะใช้สิทธิในการซื้อ และในทางกลับกัน ถ้าเป็น Put Option ก็จะใช้สิทธิในการขาย หากผู้ซื้อออปชันไม่ใช้สิทธิตามสัญญา ออปชั่นนั้นจะหมาอายุลงเองโดยอัตโนมัติ และวิธีการสุดท้ายในการทำให้สัญญาสิ้นสุดลง คือ การลงทุนในทางตรงข้าม เช่น ซื้อออปชันชนิดใดไว้ ก็จะขายออปชันชนิดนั้น เพื่อทำการล้างสถานะ

ส่วนภาระของผู้ขาย (Short Position) จะสิ้นสุดลงเมื่อมีการปฏิบัติตามภาระผู้กพันตามสัญญาออปชัน หรือผู้ซื้อไม่มาขอใช้สิทธิตามเวลาที่กำหนดทำให้สัญญานั้นหมดอายุโดยไม่ถูกใช้สิทธิ และผู้ขายสามารถล้างสภานะของตนเองได้โดยการทำการซื้อ เพื่อล้างสถานะกลไกการทำงานของการซื้อขาย Option ในตลาดอนุพันธ์ เป็นไปตามภาพดังนี้

ขั้นตอนการสั่งซื้อเริ่มจาก ผู้ขายและผู้ซื้อออปชัน แสดงความจำนงในการสั่งซื้อและสั่งขายผ่านบริษัทสมาชิก โดยบริษัทสมาชิกของทั้งสองฝ่ายจะส่งคำสั่งเข้าสู่ระบบของตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) เพื่อทำการจับคู่คำสั่งซื้อขาย เมื่อสัญญาของทั้งสองฝ่ายสามารถจับคู่กันได้แล้ว ตลาดอนุพันธ์จะแจ้งยืนยันคำสั่งซื้อและคำสั่งขายไปยังผู้ซื้อและผู้ขาย เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้ทราบถึงผลของคำสั่งของตน และทำการส่งเงินค่าพรีเมียม และวางหลักประกันตามที่ตลาดอนุพันธ์เรียก โดยผู้ซื้อเป็นผู้ที่ชำระค่าพรีเมียม (Premium) และผู้ขายเป็นผู้วางหลักประกัน (Margin) เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงให้แก่ผู้ซื้ออปชั่น เมื่อมาขอใช้สิทธิตามสัญญา ผู้ขายจะต้องส่งมอบสินทรัพย์ที่กำหนด หากผู้ขายไม่สามารถส่งมอบได้จะเกิดความเสี่ยงขึ้น ดังนั้นการเรียกเงินหลักประกันนั้น จึงเป็นวิธีหนึ่งในการป้องกันความเสี่ยงให้แก่ผู้ซื้อออปชั่น

หากลูกค้าหรือผู้ลงทุนต้องการที่จะซื้อ SET50 Index Options ไม่ว่าจะเป็น Long Call Option (ซื้อสิทธิในการซื้อ) หรือ Long Put Option (ซื้อสิทธิในการขาย) ผู้ที่ต้องการซื้อจะต้องเปิดบัญชีซื้อขายกับบริษัท Broker ที่ได้รับอนุญาต และเริ่มต้นทำคำสั่งซื้อ โดยผู้ซื้อจะต้องจ่ายค่าพรีเมียม (Premium) ให้แก่ผู้ขายในวันทำสัญญา หรือวันที่มีคำสั่งซื้อ ผู้ลงทุนใน SET50 Index Options จะมีทางเลือก 2 ทางระหว่างที่อยู่ในสัญญา คือ สามารถเลือกปิดสถานะของสัญญาของตนเองเมื่อมีกำไร โดยการขาย SET50 Index Options หรือถือไว้จนครบสัญญา สัญญาก็จะปิดสถานะเองโดยอัตโนมัติหากลูกค้าหรือผุ้ลงทุนต้องการที่จะขาย SET50 Index Options ไม่ว่าจะเป็น Call หรือ Put ก็ตาม จะต้องเริ่มต้นเช่นเดียวกับผู้ซื้อ ก็คือ ต้องเปิดบัญชีซื้อขายกับบริษัท Broker ที่ได้รับอนุญาต และเริ่มต้นทำคำสั่งขาย โดยผู้ขายจะต้องวางเงินประกัน (Initial Margin) ในวันทำสัญญา และต้องรักษาระดับ Maintenance Margin ตลอดระยะเวลาการลงทุน

เมื่อสถานะของสัญญาในแต่ละวันมีผลขาดทุน ผู้ลงทุนจะต้องนำเงินมาวางประกันเพิ่มเติม แต่เมื่อสถานะของสัญญามีสถานะกำไร ก็จะสามารถถอนเงินออกไปใช้ได้ ซึ่งการคำนวณผลกำไรขาดทุนของสัญญานั้นจะกระทำทุกวัน โดยใช้ราคาที่ประกาศของตลาดอนุพันธ์เป็นหลัก และวิธีการปิดสถานะก็กระทำเช่นเดียวกับผู้ซื้อคือ ซื้อ SET50 Index Options เพื่อล้างสถานะของสัญญา ก่อนครบอายุที่กำหนดไว้ หรือถือไว้จนครบอายุที่กำหนด